ปลาเทวดา เป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่ได้รับความนิยมมานาน มักนิยมเลี้ยงในตู้กระจก มีนิสัยรักสงบ มีรูปร่างโดยรวมเป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว ลำตัวแบนข้างมาก มีปากขนาดเล็ก ครีบหลังเป็นกระโดงสูงอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหลังบานยาวออกมาจากลำตัว ครีบท้องมีอยู่หนึ่งคู่เรียวเล็กและปลายชี้แหลม มีหลายสายพันธุ์ ปลาเทวดาถือเป็นปลาน่าเลี้ยงยิ่งเลี้ยงรวมกันหลายๆ ตัวก็จะยิ่งสวย
ปลาเทวดา ปลาสวยงาม
ปลาเทวดา (Angel fish) ชื่อสามัญเรียกชื่อปลาน้ำจืดในสกุล Pterophyllum ในวงศ์ปลาหมอสี (Cichlidae) มีรูปร่างโดยรวมเป็นรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว ลำตัวแบนข้างมาก มีปากขนาดเล็ก ครีบหลังเป็นกระโดงสูงอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหลังบานยาวออกมาจากลำตัว ครีบท้องมีอยู่หนึ่งคู่เรียวเล็กและปลายชี้แหลม เป็นปลาสวยงามน้ำจืดที่ได้รับความนิยมมานานแล้วเช่นกัน มักนิยมเลี้ยงในตู้กระจกและมีการตกแต่งหินประดับขนาดใหญ่หรือขอนไม้ เนื่องจากจะช่วยให้ปลาเทวดาแลดูเด่นมากขึ้น โดยปลาจะชอบว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ๆ กับก้อนหินและขอนไม้ และมักจะว่ายน้ำช้าๆ พร้อมกับกางครีบต่างๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้แลดูสง่างามมาก
เป็นปลาที่มีนิสัยรักสงบ ไม่ไล่ทำร้ายกันหรือไล่รบกวนปลาชนิดอื่น ปกติชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงยกเว้นเมื่อจะแพร่พันธุ์วางไข่จะแยกตัวออกไปเป็นคู่ สามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นๆ ในตู้เดียวกันได้ดี จัดเป็นปลาสวยงามที่มีราคาดีชนิดหนึ่งและสามารถขายได้ตลอดปี
ถิ่นกำเนิด
ทั้งนี้ปลาเทวดามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมที่อเมริกาใต้ แถบลุ่มน้ำโอริโนโก ลุ่มน้ำอเมซอน และลุ่มแม่น้ำใกล้เคียง โดยนิยมอยู่เป็นฝูงในถิ่นที่มีพืชพรรณไม้น้ำขึ้นหนาแน่น และสภาพน้ำมีความเป็นกรดประมาณ 5-5.5
รูปร่างลักษณะปลาเทวดา
ปลาเทวดา เป็นปลาแบนข้าง ลำตัวกว้างลึก ครีบหลังเป็นกระโดงสูงอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบด้านท้องก็ทำนองเดียวกัน ครีบหางแบนเป็นแพนใหญ่ รูปทรงเป็นสามเหลี่ยมมุมฉากริมฝีปากค่อนข้างเล็กดวงตากลมโต มีหลายสี ตามสายพันธุ์แตกต่างกันออกไป เช่น เทวดาดำ เทวดาหินอ่อน เทวดาขาว เป็นต้น
- อุปนิสัย
เป็นปลาที่แปลก บางครั้งก็เป็นปลารักสงบ ชอบอยู่นิ่งๆ ไม่ตื่นตกใจง่าย แต่ในทางตรงกันข้าม บางครั้งก็มีนิสัยก้าวร้าว หวาดระแวงขี้ตื่นตกใจ บางตัวเลี้ยงให้คุ้นเคยได้ง่าย แต่บางตัวคุ้นเคยยาก ไม่ยอมกินอาหารและเป็นปลาที่ค่อนข้างใจเสาะ เสียชีวิตง่าย ถ้าการดูแลเอาใจใส่ไม่ดี ถ้าน้ำในตู้เสียและผิดปกติไปก็จะแสดงอาการไม่ปกติทันที
- การเลี้ยงดู ปลาเทวดา
โดยทั่วไปเป็นปลารักสงบ พอจะปล่อยเลี้ยงรวมกันหลายๆ ตัวได้ในตู้กระจกที่กว้างขวางพอ และมีพันธุ์ไม้เป็นที่หลบอาศัยบ้าง เมื่อจับคู่กัน แม่จะวางไข่ติดกับวัสดุในน้ำ เช่น ใบไม้ รากไม้ หรือแผ่นหิน สำหรับอาหารที่ให้ได้แก่ ไรน้ำ ลูกน้ำ เนื้อกุ้งสับ และอาหารเม็ดสำเร็จรูป เป็นต้น
การจำแนกเพศปลาเทวดา
เพศผู้และเพศเมียมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก การสังเกตุความแตกต่างจากลักษณะภายนอกจะทำได้ยากมาก และจะพอสังเกตุได้ก็ต่อเมื่อปลาถึงวัยสมบูรณ์เพศแล้ว โดยจะต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์พอสมควร ลักษณะที่พอจะบ่งบอกความแตกต่างลักษณะเพศของปลาเทวดามีดังนี้
- บริเวณหน้าผาก เพศผู้จะมีส่วนหัวด้านบน (หน้าผาก) โหนกนูนและสีเข้มกว่าปลาเพศเมีย
- ติ่งเพศ เพศเมียจะมีติ่งเพศเป็นท่อยื่นยาวออกมาค่อนข้างมาก และมีขนาดใหญ่กว่าติ่งเพศของเพศผู้ ซึ่งจะปรากฎให้เห็นได้ชัดเจนในช่วงผสมพันธุ์วางไข่เท่านั้น
สำหรับวิธีการจำแนกเพศที่ดีที่สุด คือปล่อยให้ปลาจับคู่กันเอง เมื่อปลามีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์หรือถึงฤดูผสมพันธุ์ ปลาเพศผู้และเพศเมียจะมีการเลือกคู่หรือจับคู่กัน และมักจะว่ายน้ำคลอเคลียไปด้วยกัน ดังนั้นถ้านำปลาเทวดาที่สมบูรณ์เพศแล้ว หรือมีขนาด 4 – 6 นิ้ว มาเลี้ยงรวมกันในตู้ปลา ขนาด 20 – 36 นิ้ว จำนวนตู้ละ 10 – 20 ตัว แล้วแต่ขนาดตู้ปลา ใช้เวลาประมาณ 25 – 30 วันปลาจะเริ่มมีการจับคู่กันก็พยายามแยกคู่ออกมา จะได้ปลาเพศผู้และเพศเมียมาเป็นคู่อย่างแน่นอน และเป็นวิธีการที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
การแพร่พันธุ์ของปลาเทวดา
ในธรรมชาติปลาเทวดาเป็นปลาที่ต้องมีการเลือกคู่หรือจับคู่กันก่อนการแพร่พันธุ์วางไข่ จากนั้นจะเลือกพื้นที่ซึ่งมักจะเป็นใบพันธุ์ไม้น้ำชนิดที่มีใบกว้างเพื่อวางไข่ หรืออาจวางไข่บนวัสดุแข็งผิวเรียบ เช่น ตามโขดหิน หรือขอนไม้ โดยแม่ปลาจะค่อยๆ ปล่อยไข่ติดกับวัสดุเป็นแถวยาวครั้งละ 10 – 15 ฟอง แล้วว่ายน้ำออกมา
จากนั้นปลาเพศผู้จึงว่ายเข้าไปค่อยๆ ปล่อยน้ำเชื้อไล่ไปตามเม็ดไข่ เสร็จแล้วจะว่ายน้ำออกมาเช่นกัน แล้วปลาเพศเมียก็จะเข้าไปวางไข่อีก ทำเช่นนี้สลับกันไปจนไข่หมดท้อง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจำนวนไข่ทั้งหมดที่วางแต่ละครั้งจะมีไข่ประมาณ 200 – 500 ฟอง จากนั้นทั้งปลาเพศผู้และเพศเมียจะช่วยกันดูแลรักษาไข่ โดยจะคอยโบกพัดน้ำบริเวณที่วางไข่เพื่อเพิ่มออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอ และจะเก็บกินไข่ที่เสียออกด้วย
การพัฒนาของไข่จะใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ลูกปลาก็จะฟักออกจากไข่แล้วตกลงสู่พื้น ลูกปลาจะลงไปเกาะอยู่ตามพื้นหรือตามวัสดุแข็ง เช่น กิ่งไม่ ขอนไม้ ก้อนหิน หรือผนังตู้ โดยในระยะแรกนี้จะมีถุงไข่แดงขนาดใหญ่อยู่ และจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วันจึงจะใช้อาหารจากถุงไข่แดงหมด จากนั้นลูกปลาจะว่ายรวมฝูงหาอาหารอยู่ใกล้ๆ พ่อแม่ปลา พ่อแม่ปลาจะคอยป้องกันศัตรูให้ลูกปลา จนลูกปลาเจริญเติบโตพอควรก็จะแยกฝูงออกไปหากินกันเอง พ่อแม่ปลาก็จะออกหาอาหารและสามารถวางไข่ชุดใหม่ได้อีกในเวลาประมาณ 25 – 30 วัน ส่วนลูกปลาที่แยกตัวไปจะเจริญเติบโตเป็นปลาเต็มวัยในเวลาประมาณ 6 – 8 เดือน
การเพาะพันธุ์ปลาเทวดา
การดำเนินการเพาะพันธุ์ปลาเทวดากระทำได้ไม่ยากนัก ผู้เลี้ยงปลาสามารถจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
- การเตรียมบ่อเพาะ
บ่อที่จะใช้เพาะพันธุ์ปลาเทวดาอาจใช้ตู้กระจก หรืออ่างซีเมนต์ก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุด หรือเหมาะสมมากที่สุด คือตู้กระจก เพราะจะช่วยให้สังเกตุได้ว่าปลาวางไข่เมื่อใด และไข่มีการพัฒนาไปอย่างไรบ้าง ขนาดของตู้ใช้ได้ตั้งแต่ขนาด 14 – 36 นิ้ว ถ้าเป็นตู้เล็กจะปล่อยปลาตู้ละ 1 คู่ แต่ถ้าตู้ใหญ่จะใส่ปลาได้ 2 – 3 คู่ ภายในตู้ควรมีพันธุ์ไม้น้ำบ้างและจะไม่รองพื้นตู้ด้วยกรวดหรือเศษปะการังเลย ควรปล่อยพื้นตู้โล่งๆ
- ที่วางไข่ของปลา
จัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อให้ปลาใช้เป็นที่วางไข่ ซึ่งปัจจุบันมีการเลือกใช้กันหลายรูปแบบ ได้แก่
– พรรณไม้น้ำ ชนิดของพรรณไม้น้ำที่นิยมกัน คือ อเมซอน เนื่องจากมีใบกว้างหนา แข็งแรง
– แผ่นกระจก แผ่นพลาสติก กระเบื้องแผ่นเรียบ ขนาดประมาณ 4 x 10 นิ้ว หรือท่อ PVC วางเอียงทำมุม 30 – 60 องศากับพื้นตู้
– โดม หรือกระถางต้นไม้ ที่มีเนื้อเนียน
- การเติมอากาศ
ควรเปิดแอร์ปั๊มเพื่อเพิ่มออกซิเจนแต่ไม่ควรเปิดให้แรงมากนัก
- การควบคุมอุณหภูมิ
ควรใช้ฮีตเตอร์ ( Heater) ควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ระหว่าง 28 – 32 องศาเซลเซียส จะช่วยให้ปลาวางไข่ได้เกือบตลอดปี
- การคัดพ่อแม่พันธุ์ปลา
ปลาที่จะใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ควรเป็นปลาที่มีอายุประมาณ 8 – 10 เดือนขึ้นไป ควรเลือกพ่อแม่ปลาที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ นำมาปล่อยเลี้ยงรวมกันไว้ในตู้กระจกเพื่อให้ปลาจับคู่กันเองตามธรรมชาติ เพราะการแยกเพศพ่อแม่ปลาจากการสังเกตลักษณะ ความแตกต่างจะค่อนข้างยาก ปลาเทวดาจะเพาะพันธุ์ได้ดีตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคม
ดังนั้นควรจัดปลาที่จะใช้เพาะพันธุ์ลงบ่อเลี้ยงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธุ์ หลังจากปล่อยปลาลงเลี้ยงประมาณ 1 เดือนจึงหมั่นสังเกตุเพื่อหาพ่อแม่พันธุ์ที่มีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์ ก็จะพบว่ามีปลาที่แยกคู่ออกจากฝูง พร้อมกับมีการสร้างอาณาเขตของตัวเองขึ้น โดยไม่ยอมให้ปลาตัวอื่นเข้าใกล้คู่ของตัวเอง หรือบริเวณที่คู่ของตัวเองเลือกไว้ก็คัดแยกปลาคู่ดังกล่าวนำมาปล่อยลงบ่อเพาะ ปลาก็จะเลือกบริเวณที่จะวางไข่
แล้วช่วยกันทำความสะอาดโดยใช้ปากแทะเล็มตะไคร่น้ำและเศษวัสดุต่างๆ ออก พร้อมทั้งพ่นน้ำไล่ตะกอนออกจนเกลี้ยง แต่ถ้าหากผู้เลี้ยงพึ่งจัดเตรียมบ่อเพาะและวัสดุวางไข่ไว้ให้ ปลาก็จะวางไข่ได้ง่ายขึ้นนอกจากนั้นปลาอาจเลือกวางไข่ที่บริเวณผนังกระจกของตู้ปลาหรือวัสดุผิวเรียบอื่นๆ ที่อยู่ในตู้ก็ได้
- ข้อควรระวังในการเพาะปลาเทวดา
– ไม่ควรใส่กรวดหรือปะการังรองพื้นตู้โดยเด็ดขาด เพราะลูกปลาที่ฟักออกจากไข่จะตกลงพื้น ก็จะทำให้แทรกลงไปตามช่องว่างของก้อนกรวดและปะการัง แล้วมักจะตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ หรือไม่สามารถว่ายกลับขึ้นมาได้
– ในระหว่างที่ปลาวางไข่แล้วต้องระวังอย่าให้ปลาตื่นตกใจ หรือระวังอย่าให้มีการเคาะที่ผนังตู้ปลาโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อพ่อแม่ปลาได้รับความตกใจก็จะกินไข่ของตัวเองจนหมด
– ในระหว่างที่ปลาวางไข่แล้วต้องงดการให้อาหารทุกชนิด จนกว่าจะแยกลูกปลาออกไปอนุบาล จึงเริ่มให้อาหารแก่พ่อแม่ปลา
- การอนุบาลลูกปลาเทวดา
เมื่อปลาวางไข่แล้วอาจปล่อยให้พ่อแม่ปลาดูแลรักษาไข่เอง หรืออาจแยกเอาไข่ออกมาฟักเองก็ได้ แต่จะต้องเสียเวลาในการดูแลรักษาไข่ค่อนข้างมาก เพราะไข่ปลามักถูกทำลายด้วยเชื้อรา การปล่อยให้พ่อแม่ปลาฟักไข่เองจะให้ผลดีกว่า ข้อสำคัญ คือจะต้องงดอาหารระหว่างที่ปลาดูแลรักษาไข่ เพราะถ้าปลาได้รับอาหารก็มักจะกินไข่ของตัวเองด้วย
พันธุ์ปลาเทวดา
พบกันอยู่ประมาณ 9 สายพันธุ์
- ปลา เทวดาเงิน (Silver Angelfish)
- ปลา เทวดาดำ (Black Angelfish)
- ปลา เทวดาลายม้าลาย (Zebra Angelfish)
- ปลา เทวดาลายหินอ่อน (Marble Angelfish)
- ปลา เทวดาลายดำครึ่งตัว (Half Black Angelfish)
- ปลา เทวดาขาว (White or Ghost Angelfish)
- ปลา เทวดาทอง (Gold Angelfish)
- ปลา เทวดาลายจุด (Spotted Angelfish)
- ปลา เทวดาสายพันธุ์อื่นๆ
ปลาเทวดาถือว่าเป็นปลาสวยงามน่าเลี้ยงอีกหนึ่งสายพันธุ์ ราคาค่อนข้างจับต้องได้ไม่แพงเกินไป และเมื่อเลี้ยงจนโตทรงตัวก็จะยิ่งสวย ถึงแม้จะราคาถูก แต่ถ้าได้เจอทรงสวยๆ รูปร่างดีๆ ลายแปลกๆ หายากๆ ราคาก็จะยิ่งอัพแพงไปกว่าเดิมอย่างมาก การเลี้ยงปลาเทวดาถ้ายิ่งเลี้ยงรวมกันหลายๆ ตัวก็จะยิ่งสวยไปอีกแบบ
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยง ลักษณะนิสัย และการให้อาหาร
- พาสุนัขเที่ยว ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
- ขนแมวติดเสื้อ ทำความสะอาดอย่างไรดี
- สุนัขไอ มีอาการและการรักษาอย่างไร
- ตรวจเลือดแมว มีความสำคัญอย่างไร
ที่มาของบทความ